เคยไหม? จัดผมออกจากบ้านสวยเป๊ะ แต่พอเจอแดด ลม หรือฝน ผมก็ฟู ลีบ และหมดทรงในไม่กี่ชั่วโมง นี่คือเหตุผลว่าทำไม สเปรย์ฉีดผม ถึงกลายเป็น Must-have ของปี 2025 เพราะไม่เพียงช่วยล็อกผมให้อยู่ทรงยาวนาน แต่ยังมีสูตรเพิ่มวอลลุ่มและสูตรที่หอมเหมือนน้ำหอม พร้อมส่วนผสมบำรุงผมในขวดเดียว
สเปรย์ฉีดผมคืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?
สเปรย์ฉีดผม คือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมในรูปแบบละอองสเปรย์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้ง่ายและไม่เหนียวเหนอะหนะ จุดเด่นหลักคือช่วยคงทรงผมให้อยู่ได้ยาวนานตลอดวัน ลดปัญหาผมชี้ฟูหรือลีบแบน และยังมีสูตรที่เพิ่มการปกป้องเส้นผมจากความร้อนและรังสียูวี เหมาะอย่างยิ่งกับไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ต้องเจอมลภาวะ ความชื้น และอากาศร้อนชื้นแบบเมืองไทย บางสูตรยังผสมสารบำรุง เช่น วิตามินหรือโปรตีน ที่ช่วยให้เส้นผมดูสุขภาพดี เงางาม และมีน้ำหนัก จึงไม่ใช่เพียงแค่ไอเท็มเสริมสวย แต่เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลเส้นผมแบบครบวงจร
ประเภทของสเปรย์ฉีดผมที่ควรรู้
เพื่อเลือกสเปรย์ฉีดผมให้ตรงความต้องการ ควรรู้จักประเภทต่าง ๆ ที่มีให้เลือกในปี 2025 ซึ่งพัฒนาเพื่อตอบโจทย์เฉพาะกลุ่มมากขึ้น ดังนี้
- สเปรย์ล็อกผมอยู่ทรง (Strong Hold) – เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทรงผมที่คงรูปเป๊ะตลอดวัน เช่น วันทำงานสำคัญ งานแต่ง หรือออกงานกลางคืน ให้ความมั่นใจว่าทรงผมจะไม่เสียรูปแม้ต้องเจอลมแรงหรืออากาศร้อน
- สเปรย์เพิ่มวอลลุ่ม (Volume Spray) – เน้นยกโคนผมให้ดูหนาขึ้น เหมาะกับคนผมบางหรือคนที่อยากได้ลุคมีมิติ ดูมีชีวิตชีวามากกว่าการปล่อยผมตรงธรรมดา
- สเปรย์หอมบำรุงผม (Hair Mist) – นอกจากให้กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนน้ำหอมแล้ว ยังมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงให้เส้นผมเงางาม นุ่มสลวย เหมาะกับคนที่ต้องการทั้งความมั่นใจและการดูแลเส้นผมในขั้นตอนเดียว
- สเปรย์สูตรธรรมชาติ / Clean Beauty – ใช้ส่วนผสมที่อ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์หรือสารระคายเคือง เหมาะสำหรับคนที่หนังศีรษะบอบบางหรือผมเสียจากการทำสีและความร้อน
สเปรย์ฉีดผมยอดนิยม 2025
ในตลาดมีสเปรย์ฉีดผมหลากหลายแบรนด์ แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน บทสรุปด้านล่างนี้คือแบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงในปี 2025 และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากลงทุนกับไอเท็มดูแลผมคุณภาพดี
- Gatsby Set and Keep Spray Super Hard
คุณสมบัติ: ล็อกทรงผมให้อยู่ได้นานตลอดวัน พร้อมวิตามินบี 5 ที่ช่วยบำรุงเส้นผมให้เงางามและแข็งแรง อีกทั้งยังปกป้องจากรังสียูวีและความร้อนจากไดร์เป่าผม
ราคา: ประมาณ 125 บาท (45 มล.)
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผมทรงแข็งแรง เป๊ะ ไม่มีหลุดตลอดวัน - Schwarzkopf Taft Power Haarlack Mega Stark
คุณสมบัติ: ช่วยล็อกทรงผมให้อยู่ได้ทั้งวันโดยที่ยังดูเป็นธรรมชาติ ไม่ลีบแบน และยังช่วยปกป้องผมจากความเสียหายที่เกิดจากรังสียูวี ใช้งานแล้วไม่เกิดคราบขาวที่กวนใจ
ราคา: ประมาณ 99 บาท (75 มล.)
เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการผมดูสวยเรียบเนียนแบบธรรมชาติ แต่ยังคงอยู่ทรง - Liese Super Hard Hair Spray
คุณสมบัติ: เนื้อสเปรย์เบาสบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ แต่ให้การล็อกทรงที่แน่นแม้ในวันที่ลมแรงหรือฝนตก มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ สไตล์ผลไม้ ทำให้การใช้งานเพลิดเพลินขึ้น
ราคา: ประมาณ 265 บาท (180 มล.)
เหมาะสำหรับ: คนที่อยากได้ผมอยู่ทรงยาวนานโดยไม่เสียความรู้สึกเบาสบาย - Lesasha Natural Hold Fixing Spray
คุณสมบัติ: ช่วยล็อกผมให้คงทรงโดยไม่แข็งกระด้าง ป้องกันความร้อนจากเครื่องหนีบและไดร์เป่าผม อีกทั้งยังเพิ่มวอลลุ่มให้ผมดูหนาเป็นธรรมชาติ กลิ่นหอมดอกไม้สไตล์ฝรั่งเศสทำให้ใช้ง่ายในทุกโอกาส
ราคา: ประมาณ 279 บาท (200 มล.)
เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการผมอยู่ทรงแบบไม่แข็งตัว พร้อมการบำรุงและกลิ่นหอม - LUCIDO-L Hair Spray Super Hard
คุณสมบัติ: เนื้อสเปรย์แห้งไว ไม่ทำให้ผมแข็งกระด้าง แต่ยังคงล็อกทรงได้ยาวนานตลอดวัน มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผมดูเงางามและไม่แห้งเสีย
ราคา: ประมาณ 220 บาท (200 มล.)
เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการผมสวยเป็นธรรมชาติ คงรูปทรงได้นาน โดยไม่รู้สึกแข็งหรือแห้ง
สเปรย์ฉีดผมหอมและบำรุงเส้นผม
เทรนด์ใหม่ที่มาแรงในปี 2025 คือ “Hair Mist” หรือสเปรย์ฉีดผมที่ผสมผสานคุณสมบัติของน้ำหอมกับการบำรุงผมในขวดเดียว ทำให้ไม่เพียงเพิ่มเสน่ห์ด้วยกลิ่นหอม แต่ยังช่วยให้เส้นผมดูสุขภาพดี ใช้ง่ายและสะดวก โดยเฉพาะในชีวิตประจำวันหรือโอกาสพิเศษที่ต้องการความมั่นใจ
- YSL Libre Hair Mist
กลิ่นหรูหราในสไตล์เดียวกับน้ำหอม Libre Eau De Parfum พร้อมสูตรที่ช่วยให้เส้นผมเงางาม นุ่มสลวย และมีประกายสุขภาพดี
ราคา: ประมาณ 2,000 บาท (30 มล.) - Rare Beauty Find Comfort Body & Hair Mist
ผลิตภัณฑ์แบบ 2-in-1 ใช้ได้ทั้งกับผิวและเส้นผม มีส่วนผสมของ Biotin และ Niacinamide ที่ช่วยบำรุงผมให้นุ่ม เงางาม ลดการชี้ฟู พร้อมกลิ่นหอมสดชื่นจากเลมอน มะลิ และไม้แคชเมียร์
ราคา: ประมาณ 1,250 บาท (100 มล.)
ตารางเปรียบเทียบสเปรย์ฉีดผมยอดนิยม
| แบรนด์ | จุดเด่น | ราคา | เหมาะกับใคร |
|---|---|---|---|
| Gatsby | ล็อกทรงแข็งแรง + บำรุง | 125 บาท | คนที่ทำผมลุคเป๊ะทั้งวัน |
| Schwarzkopf Taft | ดูธรรมชาติ ไม่ลีบแบน | 99 บาท | คนที่ต้องการลุคเนียน |
| Liese | อยู่ทรงแม้เจอฝน/ลมแรง | 265 บาท | คนที่ชอบสเปรย์เบาสบาย |
| Lesasha | เพิ่มวอลลุ่ม + กันร้อน | 279 บาท | คนแพ้ง่าย / ทำผมบ่อย |
| LUCIDO-L | แห้งไว + เพิ่มชุ่มชื้น | 220 บาท | คนที่อยากได้ผมธรรมชาติ |
สรุป: เลือกสเปรย์ฉีดผมให้ตรงใจ
สเปรย์ฉีดผมไม่ใช่แค่เครื่องมือจัดแต่งทรง แต่เป็นตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ลุคของคุณดูดีทั้งวัน เลือกสูตรที่ตรงกับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นล็อกทรงแน่น เพิ่มวอลลุ่ม หรือกลิ่นหอมบำรุงผม แล้วผมของคุณจะดูสวยสุขภาพดี พร้อมออกจากบ้านได้อย่างมั่นใจทุกวัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสเปรย์ฉีดผม
สเปรย์ฉีดผมใช้ทุกวันได้ไหม?
ใช้ได้ แต่ควรสระผมล้างออกให้สะอาดเพื่อป้องกันการอุดตันและผมเสีย
สเปรย์ฉีดผมต่างจากมูสหรือแวกซ์อย่างไร?
สเปรย์เน้นล็อกทรงเบาและกระจายทั่วเส้นผม ขณะที่มูสหรือแวกซ์ใช้จัดทรงเฉพาะจุด
สเปรย์ฉีดผมทำให้ผมเสียไหม?
หากเลือกสูตรที่มีสารบำรุงและไม่ใช้เกินความจำเป็น ผมจะยังคงสุขภาพดี
สเปรย์ฉีดผมมีกลิ่นแรงหรือไม่?
ขึ้นอยู่กับแบรนด์ บางสูตรหอมอ่อน ๆ บางสูตรหอมติดทนนานเหมือนน้ำหอม
ควรใช้สเปรย์ฉีดผมเมื่อไหร่?
หลังจัดแต่งทรงผมเสร็จ เพื่อคงลุคที่ทำไว้และช่วยให้ผมดูดีตลอดวัน








