ปากแห้ง แตก หรือขาดความชุ่มชื้น อาจทำให้ลุคสวยไม่สมบูรณ์แบบ “ลิปออยล์” คือคำตอบที่กำลังมาแรงในปี 2025 เพราะให้ทั้งการบำรุงริมฝีปากล้ำลึก และเพิ่มความเงางามฉ่ำวาวในหนึ่งเดียว บทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักลิปออยล์คืออะไร แตกต่างจากลิปบาล์มยังไง พร้อม รีวิวลิปออยล์ 4 แบรนด์ดังที่ต้องมี!
ลิปออยล์คืออะไร? ต่างจากลิปบาล์มยังไง
ลิปออยล์ (Lip Oil) เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลริมฝีปากที่มีส่วนผสมของน้ำมันบำรุงเข้มข้น เช่น น้ำมันโจโจ้บา น้ำมันอาร์แกน น้ำมันเชอร์รี่ หรือแม้แต่น้ำผึ้งธรรมชาติ จุดเด่นคือช่วยฟื้นฟูริมฝีปากแห้งกร้าน ให้กลับมานุ่มชุ่มชื้นทันที และมักมีความเงางามคล้ายลิปกลอสแต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ
วิธีเลือกซื้อ ลิปออยล์ ให้เหมาะกับคุณ
ลิปออยล์มีให้เลือกหลายสูตร หลายแบรนด์ ทั้งเคาน์เตอร์แบรนด์และดรักสโตร์ การเลือกให้เหมาะกับตัวเองจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงริมฝีปากหรือการเพิ่มลุคฉ่ำวาวสวยงาม มาดูปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อ
- ส่วนผสมบำรุง (Ingredients)
หัวใจสำคัญของลิปออยล์คือ ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันโจโจ้บา, น้ำมันอัลมอนด์, น้ำมันเชอร์รี่, น้ำมันอาร์แกน หรือสารสกัดจากน้ำผึ้ง ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นและฟื้นฟูริมฝีปากที่แห้งกร้าน สำหรับคนที่แพ้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงน้ำหอมสังเคราะห์หรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- เฉดสีและฟินิช (Shade & Finish)
ลิปออยล์บางรุ่นมีสีอ่อนๆ ที่ช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้ริมฝีปากดูสุขภาพดี ในขณะที่บางรุ่นเป็นแบบใส ใช้ทาทับลิปสติกเพื่อเพิ่มความฉ่ำวาวได้ทันที หากคุณชอบลุคสวยใสประจำวัน เลือกเฉดสีอ่อนโทนชมพูหรือส้ม แต่ถ้าอยากได้ลุค Glamorous แบบจัดเต็ม อาจเลือกทับลิปสติกสีเข้มเพื่อสร้างมิติ
- แพ็กเกจและแอปพลิเคเตอร์
แพ็กเกจของ ลิปออยล์เคาน์เตอร์แบรนด์ มักออกแบบหรูหรา พกพาง่าย และมีหัวแปรงนุ่ม ใช้งานสะดวก ส่วนลิปออยล์ดรักสโตร์ก็มีหัวแปรงที่ใช้ง่ายไม่ต่างกัน สิ่งที่ควรพิจารณาคือขนาดและความทนทานของบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้พกใส่กระเป๋าได้โดยไม่เลอะเทอะ
- ราคาและความคุ้มค่า
ลิปออยล์มีราคาตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน เช่น Dior และ Gisou ที่อยู่ในกลุ่ม High-end ส่วน Maybelline หรือ Nivea ราคาเบากว่า เหมาะกับการใช้ทุกวัน แนะนำให้เลือกตามงบประมาณ แต่ควรเน้นคุณภาพและผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด
- ความเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์
หากคุณเป็นคนที่อยู่ในห้องแอร์บ่อย ริมฝีปากอาจแห้งง่าย ควรเลือกสูตรที่มีความชุ่มชื้นสูงและติดทนนาน แต่ถ้าชอบแต่งหน้าเป็นประจำ เลือกสูตรที่ใช้ทาทับลิปสติกได้โดยไม่ทำให้เนื้อเลอะ นอกจากนี้ยังมีลิปออยล์ที่ให้ความรู้สึกบางเบาเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเหนอะหนะ
รีวิวลิปออยล์ 4 แบรนด์ดัง 2025
ในปี 2025 ลิปออยล์กลายเป็นหนึ่งในไอเทม Must-have ของสาวๆ ที่อยากได้ริมฝีปากนุ่มชุ่มชื้นและดูสุขภาพดี บทความนี้เราคัดมาแล้ว 4 รุ่นตัวท็อปจากเคาน์เตอร์แบรนด์ชื่อดัง ที่ไม่ใช่แค่ช่วยเติมความฉ่ำวาว แต่ยังบำรุงลึกและแตกต่างด้วยเทคโนโลยีหรือสารสกัดพิเศษ เหมาะกับทุกสไตล์ตั้งแต่สายหวาน สายหรู ไปจนถึงคนที่รักความเป็นธรรมชาติ
1. CLARINS Lip Comfort Oil – ความสบายที่มาพร้อมการบำรุง
CLARINS Lip Comfort Oil คือหนึ่งในลิปออยล์ที่ถูกยกให้เป็นตำนาน จุดเด่นคือมีส่วนผสมจาก Plant-Based Oils เช่น น้ำมันเฮเซลนัทและโจโจ้บา ที่ช่วยฟื้นฟูริมฝีปากแห้งกร้านให้กลับมานุ่มชุ่มชื้น เนื้อสัมผัสบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้ง่ายได้ทุกวัน
ความพิเศษคือมีเฉดสีอ่อนๆ ที่ช่วยให้ริมฝีปากดูสุขภาพดีขึ้นทันที เหมาะทั้งการใช้เดี่ยวๆ สำหรับลุคใสๆ และการทาทับลิปสติกเพื่อเพิ่มความฉ่ำวาว จึงเป็นไอเทมที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องบำรุงและความสวยงามในหนึ่งเดียว
ราคา: 1,200 บาท / 7 ml
2. Dior Lip Glow Oil – ไอเทมหรูที่สาวๆ ต้องมี
Dior Lip Glow Oil คือลิปออยล์ที่ผสมผสานความหรูหรากับการบำรุงริมฝีปากได้อย่างลงตัว มี Cherry Oil เข้มข้นช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และ Color Reviver Technology ที่ปรับเฉดสีเข้ากับค่า pH ของริมฝีปาก ทำให้ได้โทนสีเฉพาะตัว ดูเป็นธรรมชาติไม่ซ้ำใคร
เนื้อสัมผัสของ Dior ให้ความรู้สึกหนึบเล็กน้อยแบบหรูหรา แต่ไม่หนักปากจนเกินไป ใช้แล้วปากดูอิ่มฉ่ำและสุขภาพดี เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ชอบลุคเรียบหรูมีสไตล์ และอยากได้ลิปออยล์ที่เป็นทั้งสกินแคร์และแฟชั่นบิวตี้
ราคา: 1,600 บาท / 6 ml
3. Fenty Skin Cherry Treat Lip Oil – สูตรพิเศษสำหรับปากแห้งกร้าน
Fenty Skin Cherry Treat Lip Oil ออกแบบมาเพื่อช่วยกู้ชีพริมฝีปากแห้งแตกโดยเฉพาะ ด้วยส่วนผสมของน้ำมันเชอร์รี่และโจโจ้บาที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ พร้อมสร้างเกราะปกป้องริมฝีปากไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้น
เนื้อสัมผัสนุ่มลื่น ไม่เหนียวเหนอะหนะ และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเชอร์รี่ที่ทำให้ทุกครั้งที่ทารู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับคนที่ต้องเจอสภาพอากาศแห้ง หรือทำงานในห้องแอร์บ่อยๆ ที่ริมฝีปากแห้งง่าย
ราคา: 1,600 บาท / 6 ml
4. GISOU Honey Infused Lip Oil – พลังบำรุงจากน้ำผึ้ง
GISOU Honey Infused Lip Oil เป็นลิปออยล์ที่เหมาะกับคนรักธรรมชาติ เพราะอุดมด้วยน้ำผึ้งแท้ที่ขึ้นชื่อด้านการบำรุงและฟื้นฟูผิว พร้อมเสริมด้วยน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันและน้ำมันอัลมอนด์ ช่วยให้ริมฝีปากนุ่ม ชุ่มชื้นยาวนานโดยไม่เหนียวเหนอะหนะ
เนื้อสัมผัสบางเบา ใช้ง่ายในทุกวัน แถมยังให้ลุคปากสุขภาพดี ดูอิ่มน้ำ มีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับสาย Clean Beauty ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ทั้งบำรุงลึกและตอบโจทย์ความงามจากธรรมชาติ
ราคา: 1,590 บาท / 8 ml
สรุป: ลิปออยล์ยี่ห้อไหนดีในปี 2025?
ทั้ง 4 รุ่นถือว่าเป็น ลิปออยล์เคาน์เตอร์แบรนด์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เหมาะกับสาวๆ ที่อยากได้ริมฝีปากนุ่มชุ่มชื้นและดูสุขภาพดี หากชอบความหรูหรา Dior คือตัวเลือกที่ใช่ ถ้าชอบความเป็นธรรมชาติ GISOU น่าสนใจ ส่วน Clarins และ Fenty Skin ก็ตอบโจทย์การบำรุงได้ครบถ้วน
คำถามพบบ่อย เกี่ยวกับ ลิปออยล์
ใช้แทนลิปบาล์มได้ไหม?
ได้ เพราะลิปออยล์บำรุงได้ล้ำลึกกว่า และให้ความชุ่มชื้นยาวนานกว่า
สามารถทาลิปออยล์ทับลิปสติกได้หรือไม่?
ได้ ช่วยเพิ่มความฉ่ำวาวโดยไม่ทำให้ลิปสติกเลอะ
เหมาะกับคนปากแห้งแตกมากๆ ไหม?
เหมาะอย่างยิ่ง เพราะช่วยฟื้นฟูริมฝีปากที่แห้งแตกให้กลับมานุ่มทันที
ลิปออยล์กับลิปกลอสต่างกันยังไง?
ลิปกลอสเน้นความเงางาม แต่ลิปออยล์มีสารบำรุงจริงที่ช่วยฟื้นฟูริมฝีปาก
ลิปออยล์ราคาถูกกว่าหลักพันมีไหม?
มี เช่น ลิปออยล์จากแบรนด์ Drugstore (Maybelline, Nivea) ราคาหลักร้อย