หนุ่มๆ ที่ผ่านการทำสี ดัด หรือยืดผมมาหลายครั้ง อาจเริ่มรู้สึกว่าเส้นผมไม่เหมือนเดิม — แห้ง ชี้ฟู จัดทรงยาก และขาดความเงางาม นั่นคือสัญญาณของ ผมเสียจากการทำเคมี ซึ่งเกิดจากการสูญเสียโปรตีนและน้ำในเส้นผม บทความนี้จะพาคุณมารู้ลึกตั้งแต่สาเหตุ ประเภทของผมเสีย วิธีดูแล และการเลือกผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูที่เหมาะกับผู้ชายโดยเฉพาะ
ทำไมผมถึงเสียหลังทำเคมี
น้ำยาเคมีสำหรับการทำสี ดัด หรือยืดผม จะเข้าไปทำลายโครงสร้างโปรตีนภายในเส้นผม (Keratin) ทำให้ เกล็ดผมเปิดออก และสูญเสียความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผมเปราะ ขาดง่าย และสูญเสียความเงางาม นอกจากนี้ยังทำให้สีผมซีดลงเร็ว และหนังศีรษะระคายเคืองได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ชายที่ชอบสระผมบ่อยหรือใช้แชมพูสูตรแรง ซึ่งยิ่งซ้ำเติมความแห้งเสีย
ประเภทของผมเสียที่พบบ่อยในผู้ชาย
ผมเสียไม่ได้เกิดจากการทำเคมีเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เส้นผมของผู้ชายอ่อนแอลงได้ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมประจำวัน สภาพอากาศ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผม การเข้าใจว่า “ผมเสียของคุณเกิดจากอะไร” จะช่วยให้เลือกแนวทางฟื้นฟูได้อย่างถูกจุดและเห็นผลเร็วขึ้น
- ผมเสียจากสารเคมี: เกิดจากการทำสี ยืด หรือดัดผมบ่อยเกินไป ซึ่งน้ำยาเคมีจะเข้าไปทำลายโครงสร้างเคราตินภายในเส้นผม ทำให้เกล็ดผมเปิดออก ส่งผลให้ผมสูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงตามธรรมชาติ ผิวสัมผัสของเส้นผมจึงแห้ง หยาบ และขาดง่าย การแก้ไขคือหลีกเลี่ยงการทำเคมีซ้ำ และใช้ทรีทเม้นท์สูตรเคราตินเพื่อ補ฟื้นโปรตีนที่สูญเสียไป
- ผมเสียจากความร้อน: การเป่าผมด้วยไดร์ เครื่องหนีบ หรือที่ม้วนผมเป็นประจำ จะทำให้เส้นผมสูญเสียน้ำและโปรตีน ทำให้ผมเปราะ แตกปลาย และเกิดไฟฟ้าสถิตง่าย โดยเฉพาะผู้ชายที่เซ็ตผมทุกวันควรใช้ สเปรย์กันความร้อน (Heat Protectant) ก่อนจัดแต่งทรงผมเสมอ
- ผมเสียจากมลภาวะ: ฝุ่น ควัน แสงแดด และเหงื่อสะสมระหว่างวัน สามารถทำลายเกล็ดผมและทำให้หนังศีรษะระคายเคืองได้ง่าย ส่งผลให้ผมหมอง สีซีด และหลุดร่วงมากขึ้น การล้างทำความสะอาดและบำรุงด้วยแชมพูสูตรดีท็อกซ์อ่อนโยนจึงสำคัญอย่างยิ่ง
- ผมเสียจากพฤติกรรมประจำวัน: เช่น การสระผมบ่อยเกินไป การขยี้ผมแรง หรือใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงที่มีแอลกอฮอล์สูง ล้วนทำให้ผมสูญเสียความชุ่มชื้น ควรปรับพฤติกรรมและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนแทน
สัญญาณเตือนว่าผมคุณเริ่มเสีย
หลายครั้งผู้ชายมักมองข้ามสัญญาณเล็กๆ ของผมเสีย เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เช่น ผมพันกันหรือชี้ฟูเล็กน้อย แต่จริงๆ แล้วนั่นคือจุดเริ่มต้นของ “ผมเสียสะสม” ที่อาจลามจนผมขาดร่วงได้ การสังเกตอาการตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจะช่วยให้ฟื้นฟูได้ทันก่อนสายเกินไป
- ผมแห้งกรอบ สากมือ ไม่มีน้ำหนัก: เป็นสัญญาณแรกของผมที่สูญเสียน้ำมันธรรมชาติ เส้นผมจะแข็ง หยาบ และดูไม่มีชีวิตชีวา มักเกิดจากการสระผมบ่อยเกินไปหรือใช้แชมพูที่แรงเกินไป
- หวียาก พันกันง่าย: เกล็ดผมที่เปิดออกจากการทำเคมีหรือความร้อนทำให้เส้นผมเสียดสีกันง่าย ผมจึงพันกันและขาดเมื่อหวี ควรใช้ครีมนวดหรือเซรั่มเคลือบผมช่วยลดแรงดึง
- แตกปลาย ขาดร่วง: เมื่อผมขาดโปรตีนและความชุ่มชื้นจะเปราะง่าย ปลายผมเริ่มแตกและขาดทุกครั้งที่หวีหรือตอนเช็ดผมหลังสระ หากไม่เล็มปลายออกจะลามจนเส้นผมดูฟูเสียทั่วศีรษะ
- สีผมซีด หมอง ไม่เงา: สำหรับคนที่ทำสีผมบ่อย สีผมจะเริ่มจางลงเร็วผิดปกติ เงาหายและดูหม่น เกิดจากการที่เกล็ดผมเปิดออกจนเม็ดสีหลุด การใช้ทรีตเม้นท์เคลือบสีหรือแชมพูสูตรรักษาสีจะช่วยได้
- หนังศีรษะลอก คัน เป็นขุย: เมื่อเส้นผมแห้ง หนังศีรษะก็มักแห้งตาม ทำให้คันและเกิดขุยคล้ายรังแค ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผิวหนังขาดความชุ่มชื้น ควรใช้แชมพูสูตรบาลานซ์ pH และเพิ่มการบำรุงหนังศีรษะด้วยเซรั่มหรือออยล์
วิธีฟื้นฟูผมเสียสำหรับผู้ชาย (ทำตามได้จริง)
เมื่อรู้สาเหตุของผมเสียแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเริ่ม “ฟื้นฟูผมเสียอย่างถูกวิธี” ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ของแพงหรือเข้าร้านบ่อยๆ เสมอไป หากรู้เทคนิคพื้นฐานและเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผม ก็สามารถกู้ผมเสียให้กลับมานุ่ม สุขภาพดีได้ในเวลาไม่นาน ส่วนสำคัญคือ “ความต่อเนื่อง” เพราะผมที่ผ่านสารเคมีมักต้องการการดูแลอย่างสม่ำเสมอและลึกถึงแกนผม
1. พักผมจากสารเคมี
การพักผมคือการให้เส้นผมได้ฟื้นตัวโดยไม่ถูกทำร้ายซ้ำ การเว้นการทำสี ดัด หรือยืดผมอย่างน้อย 2–3 เดือน จะช่วยให้เกล็ดผมที่เปิดอยู่ค่อยๆ ปิดลง และลดการหลุดร่วงของโปรตีนในเส้นผม หนังศีรษะจะเริ่มผลิตน้ำมันตามธรรมชาติออกมาเพื่อเคลือบและหล่อเลี้ยงผมให้แข็งแรงมากขึ้น
2. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมที่เหมาะกับผมเสีย
หนึ่งในกุญแจสำคัญของการฟื้นฟูผมคือการใช้ “ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผมเสียโดยเฉพาะ” เพราะผมที่ผ่านเคมีต้องการการบำรุงลึกกว่าเส้นผมปกติ ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีสารฟื้นฟูโปรตีน เช่น เคราติน, โคลลาเจน หรืออาร์แกนออยล์ ที่ช่วยเติมเต็มช่องว่างในเส้นผมให้แน่นขึ้น ผมนุ่มลื่นและลดการขาดร่วงได้จริง
- แชมพู: เลือกสูตรอ่อนโยน ปราศจากซัลเฟต (Sulfate-Free) เพื่อไม่ชะล้างน้ำมันธรรมชาติของหนังศีรษะ มีส่วนผสมบำรุงอย่างเคราติน อาร์แกนออยล์ หรือไฮยาลูรอนิกแอซิด เพื่อคืนความชุ่มชื้น
- ครีมนวดผม: ใช้ทุกครั้งหลังสระเพื่อช่วยให้เส้นผมเรียงตัวและหวีง่ายขึ้น เพิ่มความนุ่มลื่นและลดไฟฟ้าสถิต
- ทรีทเม้นท์เข้มข้น: หมักผมสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง โดยเลือกสูตรที่ซึมซาบลึก ฟื้นฟูจากภายในให้ผมแข็งแรง
- ลีฟออน / เซรั่มบำรุงผม: ช่วยเคลือบผมให้เงางามและป้องกันความร้อนจากไดร์หรือแสงแดด เหมาะกับผู้ชายที่ต้องเซ็ตผมเป็นประจำ
3. หลีกเลี่ยงความร้อนจัด
ผมผู้ชายส่วนใหญ่ถูกทำร้ายจากความร้อนโดยไม่รู้ตัว เช่น การเป่าผมหลังอาบน้ำด้วยลมร้อนแรง หรือใช้ไดร์ใกล้ศีรษะเกินไป ซึ่งทำให้ผมสูญเสียโปรตีนและกลายเป็นผมเสียในที่สุด หากจำเป็นต้องใช้ความร้อน ควรป้องกันด้วยวิธีดังนี้:
- ใช้สเปรย์กันความร้อนทุกครั้งก่อนไดร์ผมหรือหนีบผม
- เลือกโหมดลมอุ่นหรือลมเย็นแทนลมร้อนจัด
- เป่าผมห่างจากศีรษะประมาณ 20 ซม. เพื่อป้องกันการไหม้ของเกล็ดผม
4. ตัดผมเป็นประจำ
แม้จะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่การ “เล็มปลายผมเสีย” ทุก 6–8 สัปดาห์ ถือเป็นการรีเซ็ตสุขภาพผม เพราะช่วยกำจัดส่วนที่แตกปลายและป้องกันไม่ให้ผมเสียลามไปถึงโคน สำหรับผู้ชายที่ไว้ผมยาวหรือชอบทำสีบ่อย การตัดเล็มปลายผมเล็กน้อยเป็นประจำ จะช่วยให้ผมดูหนาขึ้น เรียงตัวสวย และลดปัญหาผมพันกัน
5. บำรุงจากภายในร่างกาย
ผมสวยไม่ได้ขึ้นอยู่กับการดูแลภายนอกเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณรับประทานในแต่ละวันด้วย รากผมต้องการสารอาหารอย่างโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ เพื่อสร้างเคราตินให้แข็งแรงจากภายใน
- กินอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ นม ถั่ว และปลา เพื่อช่วยให้ผมแข็งแรงไม่ขาดง่าย
- เสริมวิตามินบีและไบโอติน ช่วยเร่งการงอกของเส้นผม
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของหนังศีรษะ
6. ทรีตเมนต์ผมในร้านเสริมสวย
หากผมของคุณเสียหนักจากการทำสีหลายครั้ง หรือรู้สึกว่าผมแข็งเหมือนไม้กวาด แม้ใช้ทรีทเม้นท์ที่บ้านแล้วยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้เข้าร้านทำผมเพื่อรับการบำรุงเชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญ ร้านทำผมส่วนใหญ่มีบริการทรีตเมนต์เฉพาะ เช่น Olaplex Treatment, Keratin Smooth, หรือ Hair Spa ที่ช่วยซ่อมแซมเส้นผมจากภายใน ทำให้ผมกลับมานุ่ม เงางามตั้งแต่ครั้งแรก และคงผลลัพธ์ได้นานหลายสัปดาห์
ตารางเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผมเสียสำหรับผู้ชาย
ก่อนเลือกซื้อ ลองเปรียบเทียบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท เพื่อให้เหมาะกับสภาพผมและปัญหาที่คุณต้องการแก้ไข
ประเภทผลิตภัณฑ์ | คุณสมบัติเด่น | เหมาะกับ |
---|---|---|
แชมพูฟื้นฟูผมเสีย | ไม่มีซัลเฟต ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในเส้นผม และลดผมขาดหลุดร่วง | ผู้ชายที่ผมแห้ง หรือผ่านการทำสีบ่อย |
ทรีทเม้นท์ / มาส์กผม | สูตรเข้มข้นสูง ช่วยซ่อมแซมโปรตีนในเส้นผม และเติมความนุ่มชุ่มชื้นอย่างล้ำลึก | ผู้ชายที่ผมเสียหนัก หรือชี้ฟูจนจัดทรงยาก |
เซรั่มบำรุงผม | เคลือบผมให้เงางาม ป้องกันความร้อนและรังสี UV ได้ดี | ผู้ชายที่ต้องเซ็ตผม หรืออยู่กลางแจ้งเป็นประจำ |
เทคนิคเสริมสำหรับฟื้นฟูผมรายสัปดาห์
เพื่อให้ผลการบำรุงคงอยู่ต่อเนื่อง ลองเพิ่มกิจวัตรเล็กๆ เหล่านี้เข้าไปในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้ผมแข็งแรงยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลามาก
- หมักผมด้วยน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันอาร์แกน 1 ครั้งต่อสัปดาห์
- ใช้หวีซี่ห่างเพื่อลดแรงดึงและลดการขาดหลุดร่วง
- เปลี่ยนปลอกหมอนเป็นผ้าไหมหรือซาติน เพื่อลดแรงเสียดสีขณะนอน
- หลีกเลี่ยงการสระผมทุกวัน — ให้สระวันเว้นวัน เพื่อรักษาสมดุลน้ำมันธรรมชาติบนหนังศีรษะ
รีวิวผลิตภัณฑ์แนะนำปี 2025: Top 3 Hair Treatment สำหรับผู้ชาย
เมื่อรู้วิธีดูแลและฟื้นฟูผมเสียแล้ว ขั้นตอนสำคัญถัดมาคือการเลือก ผลิตภัณฑ์บำรุงผมสำหรับผู้ชาย ที่ตอบโจทย์ปัญหาของคุณโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นผมแห้งเสียจากเคมี ผมแตกปลาย หรือผมชี้ฟูจากความร้อน เราได้คัด 3 ตัวเด็ดประจำปี 2025 ที่เห็นผลจริง ใช้แล้วผมกลับมานุ่มลื่น สุขภาพดีภายในไม่กี่สัปดาห์
1. KERASTASE Résistance Masque Force Architecte
จุดเด่น: ทรีทเม้นท์ระดับซาลอนที่ช่วยซ่อมแซมโครงสร้างเส้นผมจากภายใน ด้วยเทคโนโลยี Vita-Ciment® และ Pro-Keratin เสริมโปรตีนให้เส้นผมแข็งแรงขึ้นจากโคนถึงปลาย
เหมาะกับ: ผู้ชายที่ผมผ่านเคมีหลายครั้ง หรือผมขาดหลุดร่วงง่าย
ผลลัพธ์ที่ได้: ผมนุ่มขึ้นทันทีหลังใช้ครั้งแรก และลดการขาดหลุดร่วงภายใน 2 สัปดาห์
2. L’ORÉAL Professionnel Absolut Repair Mask
จุดเด่น: สูตรเข้มข้นด้วยโปรตีนข้าวสาลีและทองคำบริสุทธิ์ ช่วยฟื้นฟูผมเสียหนักให้กลับมามีชีวิตชีวา พร้อมเคลือบผมให้เงางาม
เหมาะกับ: ผู้ชายที่ต้องการฟื้นฟูผมเสียให้เงานุ่มแบบไม่มันเยิ้ม
ผลลัพธ์ที่ได้: ผมแข็งแรง เรียบลื่นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก กลิ่นหอมติดผมยาวนาน
3. MOROCCANOIL Treatment Original
จุดเด่น: เซรั่มบำรุงผมสูตรอาร์แกนออยล์แท้จากโมร็อกโก เนื้อบางเบาไม่เหนียว ช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสียและลดการชี้ฟูได้ทันที
เหมาะกับ: ผู้ชายที่ต้องการผมเงางามและปกป้องความร้อนจากการเซ็ตผม
ผลลัพธ์ที่ได้: ผมเงา นุ่ม และมีกลิ่นหอมติดทนนาน เหมาะสำหรับใช้ทุกวัน
สรุป: ผมเสียจากการทำเคมี ฟื้นฟูได้แน่นอน!
การดูแลผมเสียของผู้ชายไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด แค่รู้วิธีและใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับสภาพผม ก็สามารถเปลี่ยนผมแห้งเสียให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง ภายในไม่กี่สัปดาห์
คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการฟื้นฟูผมเสียของผู้ชาย
ผมเสียต้องตัดสั้นเท่านั้นไหม?
ไม่จำเป็นเสมอไป หากผมยังไม่เสียจนถึงโคน การหมักทรีทเม้นท์อย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงความร้อนจะช่วยให้ผมยาวกลับมานุ่มและแข็งแรงได้โดยไม่ต้องตัดสั้นทั้งหมด เพียงเล็มปลายผมทุก 6–8 สัปดาห์ก็เพียงพอ
แชมพูแบบไหนเหมาะกับผมเสียจากการทำเคมี?
เลือกใช้แชมพูสูตรปราศจากซัลเฟต (Sulfate-Free) เพราะจะไม่ชะล้างน้ำมันธรรมชาติของผมออกมากเกินไป และควรมีส่วนผสมของเคราติน อาร์แกนออยล์ หรือไฮยาลูรอนิก ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นและฟื้นฟูเส้นผมจากภายใน
ต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงเห็นผลหลังเริ่มฟื้นฟูผม?
โดยทั่วไป หากใช้ผลิตภัณฑ์และดูแลอย่างต่อเนื่องจะเริ่มเห็นความแตกต่างภายใน 4–6 สัปดาห์ ผมจะนุ่มลื่นและขาดร่วงน้อยลง แต่ถ้าผมเสียมาก อาจต้องใช้เวลาประมาณ 2–3 เดือนเพื่อให้ฟื้นฟูเต็มที่
ถ้าผมเสียร่วมกับผมร่วง ควรดูแลอย่างไร?
ควรใช้ทรีทเม้นท์หรือเซรั่มสูตรลดผมร่วงที่มีส่วนผสมของไบโอติน คาเฟอีน หรือซิงก์ควบคู่กับการหมักผมบำรุงเส้นผมเสีย และหลีกเลี่ยงการสระผมด้วยน้ำร้อน เพราะจะทำให้รากผมอ่อนแอลง
ผมเสียจากความร้อนบ่อย ๆ จะกลับมาดีได้ไหม?
กลับมาได้แน่นอน หากเริ่มป้องกันตั้งแต่วันนี้ โดยใช้สเปรย์กันความร้อนก่อนไดร์หรือหนีบทุกครั้ง และหมักผมด้วยทรีทเม้นท์สูตรโปรตีนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยคืนความยืดหยุ่นให้เส้นผม